เมื่อโลกของการเรียนรู้เปลี่ยนไป...
ตามโลกไม่ทัน โลกก็ทิ้งคุณ
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของข้อมูลจำนวนมากที่ใหลผ่าน จากโทรศัพท์มือถือ สู่สายตา สู่สมองของเราในแต่ละวัน ถ้าเราไม่มีสมาธิพอ เราก็พบว่า เราเป็นเพียงนักเสพข้อมูล ส่งต่อข้อมูล แต่กว่าจะรู้ตัวเราก็เผาเวลาคุณภาพไปแล้วมากมาย วันแล้ววันเล่า เราจึงเป็นเพียง ผู้รู้ แต่ก็ไม่เกิดผลลัพธ์อะไรกับชีวิต ใช่หรือไม่?
โลกของการเรียนรู้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆครับ นี่คือธรรมดาของโลกในยุคปัจจุบัน แต่ เราจะใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสาร ที่ใหลเข้ามามากมายได้อย่างไร?
1. เราจะไปไหน? เรากำลังทำอะไร? ชิ้นงานปัจจุบันของเราคืออะไร? แล้วมันทำไปถึงไหน?
2. ชิ้นงานที่ว่า ยังขาดข้อมูลอะไร? ข้อมูลที่เราจะหา”คำถาม” คืออะไร?
เพราะไม่อย่างนั้น เสี่ยงมากที่เราจะถูกดึงความสนใจ ให้เบี่ยงเบนไปจากโฟกัสที่เรากำลังทำอยู่ ในโลกของความจริงขณะนี้ สิ่งที่เราไม่รู้ล้วนแล้วแต่อยู่ในโลกกว้างอย่างโลกอินเทอร์เนท ทั้งสิ้น
การตั้งคำถามและการสังเคราะห์ข้อมูล การจัดระเบียบ การสร้างระบบของข้อมูล ออกมาเป็นชิ้นงาน จึงเป็นหัวใจ แต่สิ่งที่ขาดแคลน คือ ผลของการเอาความรู้ไปปฎิบัติ หรือที่เราเรียกว่า "ประสบการณ์ EXPERIENCE” ทุกวันนี้ทุกคนคือ กูรู ในสิ่งที่ตัวเองลงมือทำอยู่ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เรียนรู้มา ผ่านการลงมือทำ ล้มเหลว สำเร็จ ครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้เรียนรู้ทุกคนไม่พร้อมที่จะ “ลองผิด ลองถูก” เป็นเวลานานๆ เพราะเสียเวลา โดยเฉพาะโลกของการทำธุรกิจ การลองผิดลองถูกทุกครั้ง “บทเรียน” ส่วนใหญ่ นอกจากเสียเวลาแล้ว ยัง “เสียเงิน” ความเสียหายที่ต้อง ชดใช้ บางครั้ง อาจทำให้เราล้มได้เลยด้วยซ้ำ การมีตัวช่วยที่ดีที่จะเป็นแหล่งรวบรวม องค์ความรู้ที่เรียกว่า ประสบการณ์ที่ดีคือ ชุมชน Community ที่มีวัฒนธรรมของการเรียนรู้ที่เหมือนกัน นั่นคือ ชุมชนที่เปิดกว้าง พร้อมที่จะให้ พร้อมที่จะรับข้อมูล รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง เอาประสบการณ์ไปปรับใช้ให้เป็นประโยชน์มากกว่าการถกเถียงกันแบบเอาเป็นเอาตาย โดยเฉพาะทุกวันนี้เครื่องมือทางโลกออนไลน์ได้มีเครื่องมือที่ออกแบบให้คนได้รวมกลุ่มกัน ด้วยความสนใจเดียวกัน ประสบการณ์ที่เหมือนๆกัน ซึ่งในสังคมแบบนี้ก็มีการแบ่งคนได้ออกหลายประเภท กลุ่มคนที่ชอบสื่อสาร กลุ่มคนที่รับฟัง กลุ่มคนที่แสดงความคิดเห็นบ้างในบางประเด็น
สรุป ประเด็นของเรื่องนี้ โลกของการเรียนรู้เปิดกว้างสำหรับทุกคน ความรู้ไม่ใช่ขีดจำกัดของมนุษย์อีกแล้ว ขาดเพียง คำถามที่ยังเป็นประเด็นสำคัญของชีวิตคือ
เราจะไปไหน? สิ่งที่ เรา จะไปมีความหมายอะไรกับชีวิตเรา และ คนรอบข้างบ้าง?
“ไม่หาก็ไม่เห็น”
“คำถามสำคัญกว่าคำตอบ”
Credit, ApichaiChairattana